วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2554

:.:DWARF:.:    
คน แคระในแบบยุโรป  (European's Dwarf)

    
     แคนแคระ(อังกฤษ: Dwarf) เป็นสิ่งมีชีวิตที่ปรากฏในตำนานปรัมปราในกลุ่มประเทศเจอร์เมนิก (สแกนดิเนเวียและเยอรมัน) ปรากฏในเทพนิยาย นิยายแฟนตาซี และเกมอาร์พีจีจำนวนมาก มักมีพรสวรรค์อันวิเศษโดยเฉพาะด้านเกี่ยวกับการเหมืองและการโลหะ
    แนวคิดเริ่มแรกเกี่ยวกับกำเนิดตำนานของคนแคระไม่สามารถระบุได้แน่ชัด แหล่งกำเนิดที่ใกล้เคียงที่สุดเท่าที่สามารถค้นพบคือใน ตำนานปรัมปราของเจอร์ เมนิกที่สืบทอดมาจากตำนานนอร์สแต่กระนั้นก็หาหลักฐานได้ยากและมีรูปแบบหลากหลายมาก เรื่องราวที่ผิดเพี้ยนไปทำให้คนแคระดูน่าขบขันมากขึ้นและช่างเชื่อถือโชคลาง คนแคระมีลักษณะคล้ายมนุษย์ แต่เรื่องเล่าระบุถึงความสูงและชีวิตความเป็นอยู่แตกต่างกันไป บางเรื่องถึงกับบรรยายพวกเขาไปคล้ายกับพวกเอลฟ์ เมื่อพิจารณาจากแหล่งข้อมูลที่เก่าแก่ที่สุดและจากลักษณะตามธรรมชาติของคน แคระเชื่อได้ว่าในยุคแรกๆ คนแคระมีความสูงพอกันกับมนุษย์นี้เอง บทบาทของพวกเขาในตำนานมักมีความผูกพันใกล้ชิดกับความตาย มีผิวกายซีด ผมสีเข้ม ชอบอยู่กับพื้นโลกมีประเพณีที่นิยมนับถือลัทธิภูตผี ซึ่งสอดคล้องกับความผูกพันกับความตายบางครั้งมี ลักษณะคล้ายคลึงกับพวก 'Vættir' หรือจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติ เช่นพวกเอลฟ์

    ตำนานปรัมปราเกี่ยวกับคนแคระที่พัฒนาการต่อมา มีข้อเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือพวกเขาดูน่าขบขันมากขึ้น มีความลึกลับมากขึ้น คนแคระเริ่มมีรูปร่างเตี้ยลงและน่าเกลียดมากขึ้นตามภาพลักษณ์ในยุคใหม่ รวมถึงภาพการใช้ชีวิตใต้พื้นดินของพวกเขาก็โดดเด่นยิ่งขึ้นคนแคระเป็นสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ที่มีทักษะด้านการโลหะอย่างวิเศษมีชื่อเสียงในการสร้างของวิเศษในตำนานมากมายแนวคิดเกี่ยวกับคนแคระในตำนานนอร์สยุคหลังมีความแตกต่างจากตำนานดั้งเดิมมาก คนแคระในแนวคิดใหม่นี้ไปปรากฏในเทพนิยายและนิทานพื้นบ้านในยุคหลังมากขึ้น (ดูเพิ่มเติมใน นิทานพื้นบ้านเยอรมัน และนิทานพื้นบ้านดัตช์)พวกเขา กลายเป็นสิ่งมีชีวิตซึ่งมีเวทมนตร์ ไม่สามารถมองเห็นได้ เป็นเจ้าแห่งมนตร์มายา คำสาป และคำล่อลวง

     แฟนตาซีและวรรณกรรมยุคใหม่ช่วยกันถักทอความเจ้าเล่ห์แสนกลให้กับเหล่าคนแคระ เพิ่มเติมไปยิ่งกว่าคนแคระดั้งเดิมคนแคระในยุคใหม่ จึงมีลักษณะเฉพาะตัวคือ มีร่างกายเตี้ยแคระ ผมและขนดกหนา มีความสามารถในการทำเหมืองและการช่างโลหะอย่างพิเศษอย่างไรก็ดี วรรณกรรมยุคใหม่ยังบรรยายภาพของคนแคระที่แตกต่างกันออกไปอีกตาม แต่ตำนานและประวัติศาสตร์ของแต่ละท้องถิ่น วรรณกรรมแฟนตาซีหลายเรื่องประดิษฐ์คิดค้นอำนาจหรือภาพลักษณ์ของคนแคระขึ้น ใหม่ ทำให้ "คนแคระ" ในตำนานยุคใหม่ไม่อาจมีคำจำกัดความที่ชัดเจนได้

     แต่แนวคิดเรื่องคนแคระมีร่างเตี้ยดูจะเป็นประเด็นที่มั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง มากที่สุด และคำว่า "คนแคระ" (dwarf) ก็ถูกนำมาใช้บรรยายถึงมนุษย์ร่างเตี้ยโดยทั่วไปไม่ว่าจะมีอำนาจเวทมนตร์หรือ ไม่ ดังนั้นคำจำกัดความสากลในยุคใหม่สำหรับคำว่า คนแคระ จึงหมายถึงสิ่งมีชีวิตร่างเตี้ย มีความเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ อยู่ในวรรณกรรมแฟนตาซีและเทพนิยาย



    คนแคระ ในตำนาน เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะเหมือนคนตัวเล็กๆอันนี้ต้องบอกก่อนว่า คำว่าตัวเล็กในที่นี้คือ ตัวเตี้ยกว่ามนุษย์ถึง1/2เท่า บางตำนานก็กล่าวเช่นนั้น แต่บางตำนานก็บอกว่าเล็กจริงๆนะ ทั้งขนาดตัวและความสูงด้วย แต่อย่านำไปปะปนกับศัพย์ที่ใช้ทางชีววิทยานะ

     Dwarf นี้ จะมีอายุยืนยาวดังนั้นในบางตำนานถึงเกือบทุกตำนาน จะเห็นเป็นภาพคนเตี้ยอ้วนป้อม หนวดเครายาวเฟิ้มหน้าตาแก่ๆหน่อย ถิ่นที่อยู่อาศัยที่ชอบก็ได้แก่ในถ้ำต่างๆ หรืออุโมงค์ใต้ดิน [บางตำนานว่าคล้ายๆกับว่าเป็นเนินดิน แล้วขุดเข้าไปอยู่ในนั้นน่ะ มองไปก็เหมือนเป็นเนินหญ้าที่มีปล่องไฟยื่นออกมาน่ารักดี] บางตำนานก็กล่าวว่าอยู่ในต้นไม้กลวงๆ

    Dwarf มีนิสัยอยางหนึ่งที่พบได้ในตำนานทั่วไปคือ เป็นผู้ที่ชื่นชอบและสะสมพวกของแร่ธาตุที่มีค่ามากเช่นเพชรพลอย ทองคำ โลหะ เป็นต้น บางตำนานก็กล่าวว่าเป็นนักเหมืองแร่ตัวฉกาจ หรือนักประดิษฐ์ประดอยฝีมือเยี่ยม[ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ หรือเครื่องของประดับ แล้วแต่ตำนานนะคะ] และมีนิสัยที่กล้าหาญ บางครั้งก็ดุดัน มุทะลุ เป็นนักรบฝีมือดีเยี่ยม มีความอดทนสูง อาวุธที่มักพบคือขวาน หรือพลวง





คน แคระในแบบมิดเดิลเอิร์ธ (Middle Earth's Dwarf)

    คนแคระในจินตนิยายของเจ. อาร์. อาร์. โทลคีนเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างเล็กเตี้ย แต่ล่ำสันแข็งแรง ทรหดอดทน มีหนวดเครายาวเฟิ้ม เป็นชนเผ่าที่ชำนาญในการช่างมากที่สุด พวกเขาเป็นมิตรอย่างมากกับพวกฮอบบิทพวกคนแคระเรียกตัวเองว่าคาซัดอันเป็นชื่อที่เทพอาวเลตั้งให้กับพวกเขา แต่พวกเอลฟ์เรียกพวกเขาว่าเนากริมซึ่งมีความหมายว่า ชนผู้ไม่เติบโตอีกต่อไป

    คนแคระมีบทบาทอยู่ในวรรณกรรมของโทลคีนหลายเรื่องได้แก่ เดอะฮอบบิท เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ซิลมาริลลิออน ตำนานบุตรแห่งฮูริน รวมถึงงานเขียนอื่นๆ ของคริสโตเฟอร์ โทลคีนด้วย คือ Unfinished Tales และ ประวัติศาสตร์มิดเดิลเอิร์ธ
    ประวัติ

     ในจินตนิยายชุดมิดเดิลเอิร์ธของโทลคีน'คนแคระ' เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่ไม่ได้เกิดจากการสร้างสรรค์ของมหาเทพอิลูวาทาร์ แต่เกิดขึ้นจากการสร้างของวาลา นามว่า อาวเล ผู้เป็นเทพแห่งการช่างเนื่อง จากไม่สามารถอดทนรอการมาถึงของเหล่าบุตรแห่งอิลูวาทาร์ได้ แต่ต่อมามหาเทพอิลูวาทาร์ก็รับเหล่าคนแคระเอาไว้เป็นบุตรบุญธรรม โดยมีข้อแม้ให้พวกเขาต้องนอนหลับอยู่ใต้ภูเขาก่อน จนกว่าบุตรผู้ใหญ่ของพระองค์ คือพวกเอลฟ์ จะตื่นขึ้นมาบนโลก

    อาวเลสร้างคนแคระขึ้นในยุคที่เมลคอร์กำลัง เรืองอำนาจ สร้างความวุ่นวายอยู่บนพิภพ ดังนั้นพระองค์ จึงสร้างให้คนแคระมีความทรหดอดทน ไม่ตกอยู่ในอำนาจชั่วร้ายโดยง่ายพวก คนแคระนับถือเทพอาวเลเป็นบิดาของตน และเชื่อกันว่า หลังจากสิ้นชีวิตไปแล้ว พวกเขาจะได้ไปอยู่ในท้องพระโรงของเทพอาวเล เพื่อคอยรับใช้พระองค์และร่วมในการรบครั้งสุดท้ายของอาร์ดา

    เหล่าคนแคระที่เทพอาวเลสร้างขึ้นเป็น ครั้งแรก มีจำนวนเจ็ดคนเรียกชื่อรวมกันในยุคต่อมาว่า บิดาของคนแคระ ในจำนวนนี้ดูรินผู้อมตะ (Durin the Deathless) เป็นคนแคระที่มีอาวุโสสูงสุดดูรินเป็นผู้ บุกเบิกก่อตั้งอาณาจักรคนแคระแห่งแรกบนโลก ที่คาซัดดูมมหานครใต้ขุน เขาฮิธายเกลียร์ เขาเป็นต้นตระกูลของคนแคระสายวงศ์ลอง เบียร์ด (Longbeard)

    ต้นตระกูลคนแคระอีกสองคน เดินทางไปตั้งอาณาจักรของตนที่ทางตะวันตกของมิดเดิลเอิร์ธ โดยตั้งนครอยู่ในเทือกเขาเอเร็ดลูอิน พรมแดนตะวันออกของแผ่นดินเบเลริอันด์ได้แก่ อาณาจักรโนกร็อด และเบเลกอสต์ เป็นต้นตระกูลของคนแคระในสายวงศ์ไฟร์เบียร์ด (Firebeard)และบรอด บีม (Broadbeam)ตามลำดับต้นตระกูลคนแคระอีก สี่คนที่เหลือ เดินทางไปตั้งอาณาจักรทางดินแดนตะวันออกไกลของมิดเดิลเอิร์ธไกลจนถึงเทือกเขาโอโรคาร์นิ คนแคระทั้งสี่นี้เป็นต้นตระกูลของคนแคระในสายวงศ์ไอ รอนฟิสต์ (Ironfist), สติฟเบียร์ด (Stiffbeard), แบล็คล็อก (Blacklock)และสโตนฟุต (Stonefoot)พลเมืองในสายวงศ์ เหล่านี้ไม่ได้ปรากฏบทบาทในปกรณัมชุดมิดเดิลเอิร์ธ

     ภาษาของคนแคระคือคุซดุล (Khuzdul)เป็นภาษาที่พวกเขาใช้เจรจากันเองเป็นการภายใน และไม่ยอมสอนให้กับเผ่าพันธุ์อื่นได้เรียนรู้ โดยพวกเขายอมที่จะไปศึกษาภาษาของพวกเอลฟ์เสียเอง
(อักษรเคียร์ธ ซึ่งคนแคระใช้ในการเขียนภาษาคุซดุล)

    คนแคระถนัดใช้ขวานเป็นอาวุธมากที่สุด แต่ก็สามารถสร้างอาวุธชั้นดีอื่นๆ ได้เป็นจำนวนมากพวกเขานิยมตั้งอาณาจักรอยู่ใต้ภูเขา จึงไม่สามารถทำการเกษตรได้อาหารของพวกเขาได้มาจากการทำการค้าแลกเปลี่ยนกับพวกเอลฟ์ในยุคแรกคนแคระมีสัมพันธภาพอันดีกับพวกเอลฟ์ บุกเบิกทำการค้ากับพวกเอลฟ์มาตั้งแต่สมัยยุคที่หนึ่ง ได้สร้างอาวุธชั้นดีให้กับพวกเอลฟ์เป็นจำนวนมาก

     ***แต่ภายหลังเกิดเหตุขัดแย้งวิวาทกันด้วยอำนาจของดวงมณีซิ ลมาริลที่ประดับอยู่บนสร้อยพระศอเนากลาเมียร์ เกิดสงครามแย่งชิงซิลมาริลระหว่างคนแคระกับเอลฟ์แห่งอาณาจักรโดริอัธของ กษัตริย์ธิงโกล และกลายเป็นรอยด่างพร้อยระหว่างชาติพันธุ์ทั้งสองมาโดยตลอด

     เผ่าพันธุ์

    คนแคระแบ่งออกได้เป็นสามตระกูลใหญ่คือ ลองเบียร์ด ไฟร์เบียร์ด และ บรอดบีม คนแคระในตระกูลลองเบียร์ด บางครั้งเรียกว่า พลเมืองของดูริน มีจำนวนมากที่สุดและมีบทบาทอยู่มากในยุคที่สาม คนแคระทั้งสามตระกูลปกครองอาณาจักรต่างๆ ในมิดเดิลเอิร์ธดังนี้

               *โนกร็อดอาณาจักรคนแคระในยุคที่หนึ่งเมืองของคนแคระสายวงศ์  ไฟร์เบียร์ด
               *เบเลกอสต์อาณาจักรคนแคระในยุคที่หนึ่งเมืองของคน แคระสายวงศ์ บรอดบีม
               *คา ซัดดูม หรือ มอเรียอาณาจักรคนแคระแห่งแรกตั้งขึ้นตั้งแต่ยุคที่หนึ่งเมืองของคนแคระสายวงศ์ ลองเบียร์ด
               *เอเรบอร์ หรือภูเขาโลนลี่อาณาจักรคนแคระที่ตั้งขึ้นในยุคที่สามแยกตัวออกมาจากคาซัดดูม พลเมืองจึงเป็นตระกูล ลองเบียร์ด เช่นกัน

     นอกจากนี้ยังมีเผ่าพันธุ์เล็กๆ ของคนแคระอีกกลุ่มหนึ่ง คือคนแคระค่อม (Petty Dwarves)ภาษาซินดารินเรียกว่านอยกิธนิบินปรากฏในงานเขียนเรื่อง ตำนานบุตรแห่งฮูริน ตำนานเล่าว่าพวกเขาถูกเนรเทศออกจากอาณาจักรของคนแคระด้วยความผิดอย่างใด อย่างหนึ่ง ต้องเร่ร่อนไปในดินแดนเบเลริอันด์ นานไปฝีมือช่างก็ด้อยลง ร่างก็เล็กแกร็นลง จนต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการขุดของป่าและด้วยการลักขโมยคนแคระค่อมคนสุดท้ายที่ปรากฏในตำนานคือ มีม

    สิ่งประดิษฐ์

     เผ่าพันธุ์คนแคระได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มที่มีฝีมือช่างดีที่สุดบนมิดเดิลเอิร์ธ เสมอกันกับชาวโนลดอร์ (เนื่องจากเป็นศิษย์ของอาวเล เทพแห่งการช่าง เช่นเดียวกัน) สิ่งประดิษฐ์ที่มีชื่อเสียงของพวกคนแคระในปกรณัมชุดมิดเดิลเอิร์ธ ได้แก่

   * สร้อยพระศอเนากลาเมียร์
    * หมวกเกราะมังกรแห่งตระกูลฮาดอร์
    * ดาบนาร์ซิล
   * เสื้อเกราะมิธริล



อ่านต่อ :http://writer.dek-d.com/0012/story/viewlongc.php?id=446421&chapter=3#ixzz1HKgs3Ekd

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น