...UNICORN...
คำว่าunicornนั้นมาจากภาษาละตินดังนี้unus = หนึ่งและcornu = เขาเมื่อรวมกันจึงมีความหมายว่าunicornหรือ”สัตว์ที่มีเขาเดียว”
ยูนิคอร์น (Unicorn) เป็นสัตว์ในตำนาน เชื่อว่าพบได้ตามป่าทางตอนเหนือของยุโรปตัวโตเต็มที่มีลักษณะเป็นม้าสีขาวบริสุทธิ์ สง่างาม มีเขาหนึ่งเขาที่กลางหน้าผาก(โดยมากเขาจะเป็นเกลียวด้วย)ลูกยูนิคอร์นเเรกเกิดมีขนสีทอง เเละจะเปลี่ยนเป็นสีเงินก่อนที่จะโตเต็มวัยเขา เลือด เเละขนของยูนิคอร์นมีคุณสมบัติทางเวทมนตร์สูง
โดยทั่วไปยูนิคอร์นจะหลีกเลี่ยงการข้องเเวะกับมนุษย์เเละจะยอมให้เเม่มดเข้าใกล้มากกว่าพ่อมด นอกจากนั้น ยูนิคอร์นยังวิ่งได้เร็วมาก จึงยากที่จะจับตัวได้ ในโลกตะวันตกยูนิคอร์นถือเป็นสัตว์ที่มีความดุร้ายและรักความสันโดษเรื่องเล่าของยุโรประบุว่าการจับยูนิคอร์นนั้นต้องใช้สาวพรหมจรรย์เป็นผู้ จับยูนิคอร์น ซึ่งยูนิคอร์นจะลืมสัญชาตญาณป่าเถื่อนและเชื่องราวกับเป็นม้าธรรมดาแต่ในประเทศจีนยูนิคอร์นเป็นสัตว์ที่มีความสุภาพ อ่อนโยน รักสงบ
การกล่าวถึงยูนิคอร์นในโลกตะวันตก มีขึ้นครั้งแรกในหนังสือของอินเดีย ซึ่งเขียนโดยนักประวัติศาสตร์ชาวกรีก เมื่อประมาณ พ.ศ. 14 บรรยายไว้ตอนหนึ่งว่า "ในประเทศอินเดีย มีลาป่าชนิดหนึ่ง มีขนาดใหญ่เท่า ๆ กับม้า ลำตัวของพวกมันมีสีขาว ศีรษะมีสีแดงเข้ม และมีดวงตาสีน้ำเงิน พวกมันมีเขาอยู่บนหน้าผากเขาหนึ่ง ซึ่งมีความยาวประมาณครึ่งเมตร" กล่าวกันว่า ยูนิคอร์นเป็นสัตว์ผสมระหว่างแรด ละมั่งหิมาลัย และลาป่า เขาของมันมีความแหลมคมมาก โดยมีพื้นสีขาวตรงกลางสีดำ และตรงยอดเป็นสีแดงเลือดหมู
ลักษณะโดยทั่วไปของยูนิคอร์น
ยูนิคอร์นมีลักษณะลำตัวเป็นม้าที่มีเขาแหลมงอกอยู่บนหัว(บริเวณหน้าผาก)1 อัน ซึ่งจะไม่มีปีก(ถ้ามีปีกจะไม่มีเขาเรียกว่าเพกาซัส ซึ่งเชื่อกันว่าเพกาซัสเกิดจากหยดเลือด ของนางอสูรเมดูซ่าตอนที่เพอร์ซิอุสตัดคอนางออกมา)ซึ่งขาหลังของยูนิคอร์นจะ มีลักษณะคล้ายกับขาของแอนติลอป(เป็นตระกูลเดียวกับเก้งหรือกวางในแถบแอฟริกา)ลำตัวสีขาวบริสุทธิ และมีหางคล้ายหางของสิงโต ดวงตามีสีฟ้าใส หรือสีม่วง เข้มกีบเป็นสีเดียวกับดวงตาและว่ากันว่าไม่มีใครเคยเห็นรอยเท้าของยูนิคอร์นแม้แต่ในหนองน้ำที่เต็มไปด้วยโคลน (วิชาตัวเบาลำเลิศ) เนื่องจากตัวของมันมีน้ำหนักเบามาก ที่อยู่ของยูนิคอร์นมักจะอาศัยอยู่ในป่า ที่มีความเงียบสงบ ห่างไกลจากมนุษย์และปีศาจ
ยูนิคอร์นมีอายุยืนหลายร้อยปีทีเดียว และเชื่อกันว่าไม่มีปีศาจตัวใดที่จะ สามารถสัมผัสตัวของยูนิคอร์นได้เลยมีตำนานเล่าว่าชาวเผ่าเอลฟ์ถือว่ายูนิ คอร์นเป็นสัญลักษณ์แห่งเทพฟัวรอส(Foiros)เทพแห่งดวงอาทิตย์ซึ่งมีความหมายถึงความสง่างามและความบริสุทธิของดวงอาทิตย์
ความสามารถของยูนิคอร์น
ยูนิคอร์นเป็นสัตว์ที่ฉลาดซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสัตว์ของเทพเจ้ายูนิคอร์นที่ มีอายุมากและฉลาดที่สุดมีความสามารถในการส่งคลื่นโทรจิต(สื่อสารกันทางใจ) และอีกทั้งยังสามารถอ่านความคิดในใจและความรู้สึกจากคน ที่มันอยากจะรู้ ส่วนยูนิคอร์นเด็กจะทำได้แค่รับรู้ความรู้สึกหรืออารมณ์ของ คนที่อยู่รอบตัวมัน และพลังวิเศษของยูนิคอร์นจะอยู่ที่เขาของมันยูนิคอร์นสามารถใช้เขาตัวเองรักษาคนเจ็บได้
ในตำนานหลายเรื่องเล่าเกี่ยวกับเรื่องของเลือดของยูนิคอร์นว่าเมื่อใดที่ เลือดของยูนิคอร์นต้องหลั่งริน จอมปีศาจร้ายจะอุบัติขึ้นในโลกใบนี้และถ้าเลือดแต่ละหยดของยูนิคอร์นสัมผัสผืนแผ่นดินจะนำความตายไปสู่ทุกสิ่งที่อย่าง ที่ถูกเลือดของยูนิคอร์นไม่ว่าจะเป็นมด ต้นหญ้า หรือแม้แต่คน
อุปนิสัยของยูนิคอร์น
ยูนิคอร์นเป็นสัตว์ที่สุภาพ เชื่อง โดยทั่วไปอยู่เป็นกลุ่ม 4 หรือ 5 ตัว ซึ่งใน 1 ฝูงจะมียูนิคอร์นที่มีอายุมากที่สุดอยู่ 1 ตัว(ตัวที่แก่ที่สุดอาจจะมีอายุหลายร้อยปีเลยก็ได้) แล้วก็อยู่กันเป็นคู่ๆ ถ้า ยูนิคอร์นฝูงหนึ่งมาเจอกันกับอีกฝูงหนึ่งมันก็จะทักทายและเป็นมิตรต่อกันจนกว่าจะแยกย้ายกันไป จากคำบรรยายลักษณะทั่วไปของยูนิคอร์นจากบทประพันธ์ The Unicorn and the lake ของ Marianna Mayer ได้บรรยายเอาไว้ว่า “ยูนิคอร์นเป็นสัตว์วิเศษเพียงอย่างเดียวที่มนุษย์ไม่กลัว ซึ่งว่ากันว่า ยูนิคอร์นเป็นสัตว์ที่พยศแต่ไม่ดุร้าย ชอบความเป็นส่วนตัวแต่ไม่สันโดษ แต่ที่ โดดเด่นคือความงามอันน่าพิศวง พวกคนเห็นแก่ได้มักจะชอบล่ายูนิคอร์น ด้วยเหตุที่ว่าเขาของยูนิคอร์นนั้นมีฤทธิ์ในการถอนพิษได้ทุกชนิด”
ตำนานการไล่ล่ายูนิคอร์นตามตำนานเก่าแก่ของยุโรป
ยูนิคอร์ในเทพนิยายโบราณของยุโรปมีลักษณะคล้ายกับแพะ มีเท้าเป็นกีบ มีหาง เป็นสิงโต และเขาที่มีลักษณะเป็นเกลียวตรงหน้าผากซึ่งเขาของยูนิคอร์นเชื่อ กันว่าเป็นตัวยาชั้นดีซึ่งขุนนางและผู้มั่งมีทั้งหลายต่างเสาะหามาไว้ใน ครอบครอง
ในตำนานเก่าแก่ของยุโรปกล่าวว่ามีเพียงหญิงพรหมจรรย์เท่านั้นที่จะสยบยูนิ คอร์นได้(ถ้าคนทั่วไปคิดจะจับล่ะก็อย่าหวัง เพราะยูนิคอร์นเคลื่อนไหวคล่อง แคล่วและรวดเร็วเหมือนสายลมพัด)มีตำนานเล่าว่าขณะที่หญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งเล่นอยู่ในป่า ก็มียูนิคอร์นตัวหนึ่งเข้ามา ใกล้ๆ ตัวหล่อนด้วยอาการที่แสนเชื่อง แล้วมันก็ซบหัวลงหนุนนอนบนตักของเธอราวกับ เด็กๆ ที่ไร้เดียงสา(ม้าอะไรไม่รู้ขี้หลีชะมัด) และนี่ก็ถือเป็นจุดอ่อนที่สำคัญ ของยูนิคอร์นเลยก็ว่าได้ ซึ่งนำไปสู่ตำนานการไล่ล่ายูคอร์นแล้วสาเหตุของ การล่ายูนิคอร์นก็มาจากเขาที่เป็นตัวยาที่มีสรรพคุณอันแสนวิเศษและถอนพิษได้ ชะงัดนักดังนั้นเขาของมันจึงกลายเป็นสิ่งที่มีมูลค่ามหาศาลทั้งผู้ที่อยาก ได้มาครอบครอบตลอดจนถึงผู้ที่มีความละโมบทั้งหลาย ว่ากันว่า ผู้คนที่มีใจ ละโมบได้ใช้หญิงสาวพรหมจรรย์เป็นกับดักล่อยูนิคอร์น ซึ่งป่าที่อยู่นิคอร์นอาศัยอยู่นั้นเรียกว่า “ป่าแห่งกษัตริย์”ยูนิคอร์นซึ่งรับรู้ได้ว่าเธอคนนั้นเป็นสาวพรหมจรรย์ (ไม่รู้ว่ารู้ได้ยังไงนะว่าบริสุทธิไม่บริสุทธิ เก่งจริงๆ ถ้ายูนิคอร์นมา เจอสาวยุคนี้ มีหวังเผ่นกระเจิง อิอิ) ก็เดินตรงเข้ามาด้วยท่าทีที่แสนเชื่องแล้วมันก็เอาหัวนอนหนุนตักเจ้าหล่อน เช่นเคย แล้วจังหวะนี้เองที่พวกคนล่าเขายูนิคอร์นก็เข้ามาตัดเขาของมัน ไป จากนั้นยูนิคอร์นก็ต้องจบชีวิตลงเพราะถ้าไม่มีเขามันก็จะตาย(ตายเพราะ ความขี้หลี)
ส่วนยูนิคอร์นในนิยายแฟนตาซีสมัยใหม่จะมีลักษณะเป็นม้าที่สง่างาม ซึ่งจะเชื่อฟังสาวพรหมจรรย์เท่านั้น สีของมันมีหลายหลากสีต่างกันไป ตั้งแต่สีงาช้างบริสุทธิหรือสีดำขลับ สีเงิน สีทอง สีน้ำตาล รวมไปถึงสีจำพวก ม่วง น้ำเงิน ฟ้า เขียว เหลือง แสด แดง บ้างก็ว่ามันจะเปลี่ยนสีของตัวมันเองได้ขึ้นอยู่กับว่ามันอยู่ในอารมณ์แบบ ไหน แล้วถ้ายูนิคอร์นที่มีปีกแบบเพกาซัสก็จะเรียกว่า "อัลลิคอร์น" (Alicorn)
ตามตำนาน หญิงพรหมจารีสามารถทำให้ยูนิคอร์นเชื่องได้ เมื่อยูนิคอร์นเห็นหญิงพรหมจารีจะเข้าไปใกล้แล้วซบตัก จึงเป็นการง่ายที่จะถูกจับหรือถูกฆ่าโดยนายพรานที่ซุ่มอยู่
เขายูนิคอร์นมีประโยชน์ที่วิเศษอย่างมากภาชนะที่ทำจากเขายูนิคอร์น สามารถต่อต้านและแก้พิษในอาหารได้ มีข้อความกล่าวไว้ว่า ถ้วยที่ทำจากเขายูนิคอร์นสามารถป้องกัน อาการสั่น , โรคลมบ้าหมู และพิษได้ ถ้าดื่มน้ำหรือของเหลวที่ใส่ในถ้วยนั้น และมีอีกข้อความหนึ่งกล่าวว่า " มันเป็นความเชื่อที่ว่าถ้ามันหลั่งน้ำออกมา อาหารหรือเครื่องดื่มในภาชนะนั้นเป็นพิษ " นอกจากนี้ผงตะไบจากเขาของมัน สามารถใช้ทำยาต่อต้านยาพิษร้ายแรงได้ และเมื่อนำมาทำเป็นเครื่องอัญมณีจะปกป้องผู้สวมใส่จากสิ่งชั่วร้าย
ตำนานอื่นเล่าว่าในการต่อสู้ของยูนิคอร์นกับช้าง สุดท้ายช้างจะถูกเขายูนิคอร์นแทงถึงแก่ความตาย
ถ้าเทียบตามน้ำหนักแล้วเขายูนิคอร์นมีค่ามากกว่าทองคำดังนั้น พระราชา , จักรพรรดิ และพระสันตปาปา เป็นคนในกลุ่มไม่กี่คนที่สามารถสนองความต้องการราคาที่สูงนี้ได้ พวกเขาอยากได้เขาที่มีค่านี้มาเพื่อรับรองว่าจะมีชีวิตยืนยาวและสุขภาพดี การขายที่ได้กำไรงามนี้ ขายเขายูนิคอร์นเทียมอย่างแพร่หลาย ซึ่งทำจากเขาวัว , เขาแพะ หรือในบางกรณีจากสัตว์ต่างประเทศ กระดูกสุนัขธรรมดา หรืองาของปลาวาฬชนิดหนึ่งชื่อว่าnarwhal**(ดูข้อมูลด้านล่่างนะครับ)
ในคัมภีร์ไบเบิลมีการกล่าวถึงยูนิคอร์นไว้มากมายในคัมภีร์ Genesis กล่าวว่าพระเจ้าให้งานอะดัมตั้งชื่อทุกสิ่งที่พบในบางการแปลของไบเบิลยูนิคอร์นเป็นสิ่งแรกที่ได้มีการตั้งชื่อและเมื่ออะดัมกับอีฟออกจากสวรรค์ ยูนิคอร์นตามมาด้วย
คัมภีร์ไบเบิลเสนอข้ออธิบายว่า ทำไมยูนิคอร์นจึงไม่ได้ถูกเห็นเป็นเวลานาน ระหว่างน้ำท่วมโลกครั้งใหญ่ 40 วัน 40 คืนโนอานำสัตว์มาชนิดละสองตัว แต่ไม่มียูนิคอร์นรวมอยู่ด้วยนิทานยิวอ้างว่า แต่เดิมมันอยู่บนเรือ แต่ต้องการพื้นที่และการเอาใจใส่มาก โนอาจึงขับไล่พวกมันไปพวกมันจมน้ำหรือกระเสือกกระสนว่ายน้ำไประหว่างน้ำท่วม และยังคงมีชีวิตอยู่บางแห่งบนโลก
ในศาสนาคริสต์ ยูนิคอร์นเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ และพรหมจรรย์และเป็นเครื่องหมายของพระแม่มารี และนักบุญจุสตินา
ยูนิคอร์นกับการแปลความหมายทางด้านสัญลักษณ์
ยูนิคอร์นได้รับการแปลความหมายแทนสิ่งต่าง ๆ มากมายเขาที่อยู่บนหัวถือเป็นสัญลักษณ์ของ พลัง อำนาจ ความเข้มแข็ง และความเป็นลูกผู้ชายในบางตำนานยูนิคอร์นเป็นสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ สะอาด บางตำนานเชื่อว่ายูนิคอร์นมีสัญลักษณ์ที่เชื่อมโยง ระหว่างเพศหญิงและเพศชายนั่นคือเขาของมันแทนเพศชาย และลำตัวแทนเพศหญิงชื่อภาษาจีนของยูนิคอร์น คือ ki-lin ซึ่งแปลว่า ผู้ชาย-ผู้หญิง
กลุ่มดาวยูนิคอร์น
นาร์วาฬ....ยูนิคอร์นแห่งท้องทะเล
ปลานาร์วาฬ(Narwhal) ได้ชื่อว่าเป็นยูนิคอร์นแห่งท้องทะเลมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Monodon monoceros (Linnaeus,1756)ชื่อของนาร์วาฬ มาจาก ภาษา Old Norse(ภาษานอร์เวโบราณ)มีความหมายว่าวาฬที่มีลักษณะคล้ายซากศพเพราะมันชอบว่ายน้ำโดยหันทางด้านท้องมันขึ้นด้านบน และการที่มันมีสีผิวที่ซีด นาร์วาฬเป็นสัตว์ตระกูล เดียวกับโลมาหัวขวด วาฬเบลูก้า และวาฬออร์ก้า มันมีวิถีชีวิตที่คล้ายโลมาชนิดอื่นๆโดยจะว่ายรวมตัวกันเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละ 15-20 ตัว แต่ก็มีบางครั้งที่ว่ายรวมกันเป็นฝูงใหญ่จำนวนมากถึงร้อยถึงพันตัว นาร์วาฬมีการเปล่งเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของมันซึ่งก็มีทั้งเสียงคลิ๊ก(แอ มพลิจูด19 kHz -48 kHz ที่ 3-150 ครั้งต่อวินาที) และเสียงคล้ายผิวปาก(ที่แอมพลิจูด 300 Hz-18 kHz) มีความสามารถในการดำน้ำได้ลึกถึง 3300 ฟุต นานถึง 20 วินาที ดำรงชีพด้วยการกินปลา กุ้ง ปลาหมึกเป็นอาหาร
อ่านต่อ :http://writer.dek-d.com/0012/story/viewlongc.php?id=446421&chapter=15#ixzz1HKiGFj76
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น